ลงทุนยุค 4.0 กำไร 120% ไม่อยากตกรถไฟ รีบอ่านเลย

. Saturday, August 11, 2018
0 comments

Disclaimer ออกตัวก่อนว่าเป็นความคิดเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัว อาจเป็นตามนี้ หรือเป็นนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมา โปรดใช้วิจารณญาณ

ช่วงนี้มีเพื่อนๆ น้องๆ แชร์การลงทุนให้ดูจากหลายแหล่งโดยได้กำไรเดือนละประมาณ 10% คิดเป็นรายปีก็ 120% ถือว่ามหาศาล ฟังแล้วก็อด "หูผึ่ง" ไม่ได้ ฝั่งหนึ่งก็ให้โอกาสกับทุกสิ่งในปัจจุบันที่มี Innovation หรือนวัตกรรมใหม่ที่อเมซิ่งเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ในเรื่องการจะลงทุนก็ต้องมีกฏชีวิตที่ตั้งไว้ว่า "ต้อง Research ให้ครบ" จึงเป็นที่มาของโพสนี้ที่อยากจะบันทึกผลการรีเสิร์ชไว้ให้ตัวเองและเพื่อนที่รัก

คนที่ 1 - พนักงานสถาบันการเงิน
"จริงนะพี่ หนูได้มาเดืิอนนี้เกือบหมื่น" พร้อมเปิดจอ ipad หน้า trade ที่มีช่องกำไร
"ลงไปเท่าไหร่ล่ะ นานแค่ไหนแล้ว?"
"8 หมื่น ลงมา 3 เดือน เข้าเดือนที่สี่แล้ว นี่ทั้งสาขาลงกัน และผู้จัดการก็ยังลงหลายล้าน"

คนที่ 2 - เจ้าของธุรกิจ
"พี่ดู ขนาดคุณ ... เค้าเป็นนักลงทุน เค้ายังลงไปแล้ว 15 ล้านเลย" (พร้อมเปิดภาพให้ดู)
"เนี่ยะ .. เดือนนี้ได้มา ดูเลย" (พร้อมเปิดจอให้ดู)
"แล้วลงไปเท่าไหร่ล่ะ ? แล้วเค้าเอาเงินเราไปลงทุนอย่างไรบ้างล่ะ?"
"ไว้เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง ส่วนตัวตอนนี้ลงเกือบ 5 ละ นี่ไม่สนิทกันไม่เล่านะ"

คิดในใจ 
... (โอว์ ... ผู้จัดการ "แบ๊งค์" ด้วยนะยังลง แสดงว่าต้องมีการรีเสิร์ชมาบ้างไม่น้อยแล้วล่ะ)
... (น้องเจ้าของธุรกิจที่ Success มีเงินเหลือพร้อมลงทุนมากกว่าฝากแบ้งค์ ก็ยังลง)
... (เขาเอาเงินไปลงทุนอะไรนะ ถึงเหลือแบ่งคืนได้ตั้งขนาดนั้น) กองทุนรวมต่างๆ ที่บริหารโดยนักลงทุนมืออาชีพ แบบหรูชนะเลิศ LTF อย่าง UOBLTF (UOBAM) ยังได้ +21.4596% 
... (เรา ต้องเอาบ้าง ต้องไม่ตกรถไฟ เพราะน้องอีกคนเจ้าของกิจการใหญ่ ก็พึ่งเล่าแต่เป็นอีกสถาบันให้ฟัง ลงไป 15 ล้าน ถึงตอนนี้ก็ยังยิ้มอยู่)

ถึงบ้าน -- Google แบบมหาศาลทันที พร้อม Download ทุกอย่างทุกแหล่งจากที่เป็นไปได้ ได้ข้อมูลมากว่า 30 ชุด ทั้งแบบหนังสือ PDF และ Video Clip 

ถึงวันนี้ผ่านไปเกือบเดือน ก็ยังดูไปได้ไม่ถึง 5% จากที่หามาได้เพราะภารกิจอื่น

แล้วลงหรือยังล่ะ ? ... ตอบเลยว่า "ยัง" .. ช้านะนี่ ไหนว่าไม่ชอบการตกรถไฟ

เหตุผลที่ยังไม่ลง
  • กฏชีวิต #1 (ที่ตั้งขึ้นเอง) - จะเสียเงินเพื่อซื้อของหรือลงทุนใดๆ ต้องคิดให้ครบอย่างต่ำ 5 รอบ (ไว้มีโอกาส ผมจะเขียนแชร์กฏชีวิตข้อนี้ไว้ด้วย เพราะตั้งแต่มีมันมา ผมเสียเงินน้อยลงมาก ย้ำว่ามากกกกกกกกก จึงตั้งมันเป็นกฏ ที่เริ่มจาก สมมติฐาน และ ทฤษฎี) // กฏข้อนี้เกิดขึ้นมาก่อนมีครอบครัวนิดหน่อย เพราะตอนนั้นต้องคิดจริงจังเรื่องความมั่นคงกว่าชีวิตตัวคนเดียวแล้ว และต่อมาก็ต้องมีลูก ซึ่งช่วยคอนเฟิร์มอีกคนว่า "มันต่างกันราวฟ้ากับเหวลึก" ก็ชีวิตตัวคนเดียว และ ครอบครัวที่ไม่มีลูก หรือ ครอบครัวที่มีลูกแล้วเลี้ยงแบบอื่นๆ .. ส่วนตัวผมตอนแรกไม่อยากมี เพราะคิดว่าอิสระดีกว่า และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ใช้ชีวิตก็สบายๆ ได้ด้วย .. แต่ถึงตอนนี้ "มันมีไปแล้ว" กลับคิดว่า "ทำไมมีช้า น่าจะมีตั้งนานกว่านี้แล้ว" เพราะมีเขามาแล้วก็เป็นอีกโมเม้นต์ที่บอกต่อไม่ได้ทั้งหมด "มันต้องมีเอง ถึงจะรู้การทำงานของระบบความรักความผูกพัน ที่มนุษย์ถูกทำให้มันมี หรืออีกมุมเรียกว่า สัญชาตญาณ" เรื่องนี้ก็ขอทดไว้เป็นอีกบทความว่า เราอยู่ในเกม Sim หรือเปล่าเนี่ย?
  • อ่านเจอเรื่อง "Bernard Madoff case study" ลิ้งค์ด้านล่างถ้ามีเวลาลองเปิดดู น่าสนใจมาก กล่าวถึง Public Interest ความน่าสนใจต่อมหาชน vs สินค้าทางการเงิน, ความโลภ vs ความเชื่อ ฯลฯ ที่อยู่ในมนุษย์ ที่ทำให้การโกงเป็นกว่าสามแสนล้านบาทเกิดขึ้นได้ ซึ่งกรณี Madoff นี้ให้ผลประโยชน์ประมาณร้อยละ 10 กว่าๆ ต่อปีเท่านั้นเอง ซึ่งเคสปัจจุบันที่กำลังค้นคว้าคือร้อยละ 120 ที่เทียบแล้ว Madoff เด็กๆ ไปเลย
    https://www.scribd.com/doc/174109087/Bernard-Madoff-Case-Study
  • คิดเรื่อง แม่ชม้อย .. น้องๆ รุ่นใหม่ไม่ทัน ก็ลอง Google "แม่ชม้อย" ดูนะครับ จะได้ทราบตำนานการลงทุนแบบไทยๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาแล้ว เทพไม่แพ้กัน >> http://bit.ly/lmgtchamoy สำหรับ "แชร์ลูกโซ่ คืออะไร?" สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่ทราบ หรือยังทราบไม่ละเอียด ไว้เป็นความรู้นะครับ ผมค้นที่อ่านง่ายๆ มาให้แล้วของคุณ Jib Marnpin แชร์ลูกโซ่ : เกมเงินต่อเงิน >> http://bit.ly/tnxlink-ponzischeme
  • ยังชอบเป็น Serial Entrepreneur ลงทุนทำธุรกิจเอง ตอนนี้ยังมีไอเดียนู่น นี่ นั่น เข้าคิวรออยู่เยอะ แม้ที่ผ่านมาบางตัวก็จบไป ขาดทุนบ้าง แต่ก็ยังมีที่ทำเงินได้มากกว่าอันนี้ จึงขอฝากเงินไว้กับโครงการตัวเองก่อน ถ้าแรงหมดค่อยคิดเรื่องฝากคนอื่นทำ
  • แหล่งข้อมูลน้อย ผมชอบเซิร์ชและถนัด ผมจึงอยู่กับข้อมูลมาทั้งชีวิต ชอบ Big Data เป็นชีวิตจิตใจ ข้อมูลน้อยๆ ที่หลายคนบอกมาว่าเค้าทำเงียบๆ ไม่อยากให้คนรู้ เดี๋ยวแห่ทำตามกัน .. แบบนี้มันไม่ชัวร์
  • ผมปรึกษาเพื่อนนักลงทุนหลายคน ได้คำตอบคล้ายกันคือ "อะไรอ่ะ ลงเองดีกว่านะ"
สรุป ผมไม่ลง!! ยังคิดว่ามันเป็น "แชร์ลูกโซ่" ที่ยังไปได้อยู่เพราะมันยังมีึคนมาต่อท้าย แต่ถ้าคนที่กำลังลงอยู่มองทันเหมือนกันว่า "คิดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้มันยังไปได้ก็ลงไปก่อน" กรณีนี้ถ้ารู้จังหวะดึงออกทันก็ไม่สูญเงินต้นก็ไม่เสียหายอะไร อันนี้มัน High risk, High Return ถ้าอายุ 20-30 ผมอาจลงไปแล้ว เพราะการลงทุนต่างช่วงวัยที่เหมาะสม และเพราะประโยคคุ้นหูเรานั่นเองที่ว่า

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน”

เงินใครเงินมัน แต่ก็ยังห่วงใยกันครับ :)

-----------------------------------

ความรู้เพิ่มเติม + อ้างอิง

  • Public Interest หมายถึง? > http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/05/K6579815/K6579815.html
    กระทู้นี้ดี คุณจะได้ทราบว่าคำว่า "interest" หมายถึงอะไรได้บ้าง
  • Long term Equity Fund (LTF) - Performance Table (+ dividend) [เปรียบเทียบข้อมูลวันที่ 2018-08-09] > http://siamchart.com/fund-compare/ltf

Google One Pass อีกก้าวใหม่สู่ยุคสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์

. Thursday, February 17, 2011
8 comments


 สำหรับธุรกิจหนังสือดิจิตอล เมื่อ Google One Pass เกิด .. iBook, Kindle อาจร้อนๆ หนาวๆ ได้ เนื่องจากจุดเด่นที่แตกต่างของ One Pass เป็นเหมือนระบบเปิดที่ Based on Web ที่เปิดกว้างมากกว่า Apple และ Amazon ที่ยังเป็นเหมืิอนระบบปิด ของใครของมัน และที่สำคัญคือผู้ใช้สามารถสร้างผลงานได้เองพร้่อมตีพิมพ์โดยเครื่องมือง่ายๆ ที่ Google เตรียมไว้ให้แล้ว สำหรับผู้อ่านก็สามารถอ่านทางหน้าคอม, Tablet รวมไปถึงทาง Smart Phone ต่างๆ ได้โดยง่าย

สิ่งต่างที่สำคัญที่ Google เหนือกว่า iBook และ Kindle คืิอ "การคิดค่าส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย" เพียง 10% ในขณะที่ Apple คิดที่ 30% จากรายได้ โดย Eric Schmidt, CEO ของ Google เองก็ได้บอกว่า "Google ไม่ได้เน้นว่าจะทำกำไรตรงนี้ แต่อยากให้เกิดกำไรไปยังเจ้าของผู้ผลิต Content ดีๆ"

Blogger และเหล่านักเขียนมีโอกาสรวยด้วยตัวเองง่ายๆ จาก Model ของ One Pass ที่ปรับรูปแบบให้ Subscribe ได้มากมายตั้งแต่หนังสือเป็นเล่มๆ ครบทุกบททุกตอน จนกระทั่งเรื่องเดียวตอนเดียว หรือลงทะเบียนวันนี้ฟรีอ่านย้อนหลัง ฯลฯ โดยการสมัครผ่านทางหน้าเว็บหรือทาง Mobile ซึ่งหมายถึงทุกๆ Subscription ก็คือรายได้

เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับเจ้าของ content เช่นนักเขียนต่างๆ .. ให้ลองลืมวิธีการดั้งเดิมสำหรับ Publish (เผยแพร่) ซึ่งในความรู้สึุกถึงคำว่า Publishing เดิมๆ ยังมีแต่ภาพของการตีพิมพ์ลงบนกระดาษ และกระจายสินค้า (Distribute) ผ่านทางสายส่ง แต่คราวนี้ Google เป็นสำนักพิมพ์ (Digital) ให้พร้อมเครื่องมีที่ช่วยให้จัด Artwork ได้ง่าย พร้อมทั้งเป็นสายส่งให้ทั่วโลก แล้วก็เก็บค่าบริหารจัดการ ไม่ต่างกับที่ Google เปลี่ยนวงการ Advertising ด้วย Adwords ที่ทำให้ Google ร่ำรวยและ Advertising Model ที่เปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตอลที่ในที่สุดแล้วประโยชน์ที่แท้จริงก็เกิดขึ้นทุกๆ ฝ่้าย ทั้งผู้ส่งสาร, ผู้รับสาร และผู้ส่งสาร ซึ่งก็คือ Google นั่้นเอง ... It's Win-Win-Win Situation !!


Tools, Management, Process สามเสาหลักของการพัฒนาระบบงาน

. Tuesday, September 29, 2009
2 comments

ในการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Agile นั้นยึดลูกค้าและผลงานเป็นหลัก รูปข้างล่างแสดงองค์ประกอบสำคัญซึ่งสามารถแบ่ง 3 ส่วนได้แก่
  1. Infrastructure และ Tools โครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบงาน

  2. Project Management การบริหารจัดการโครงการเพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

  3. Development Process กระบวนการพัฒนาระบบงานเพื่อให้ผลงานมีคุณภาพตรงตามความต้องการ

โดยมีลูกค้าเป็นผู้ให้ความต้องการของซอฟต์แวร์ (รวมทั้งขอเปลี่ยนความต้องการด้วย) ทั้งนี้ Agile มี ความคิดว่า โดยธรรมชาติแล้วความต้องการของลูกค้าไม่มีทางสมบูรณ์และสามารถเปลี่ยนแปลง ได้อยู่ตลอดเวลา พวกเราในฐานะทีมพัฒนามีหน้าที่ผลิตซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า มากที่สุด ตรงตามกรอบเวลามากที่สุด และอยู่ในกรอบงบประมาณที่ประเมินไว้ (เรื่อง ความต้องการ เวลา งบประมาณ นี้เป็นเรื่องถกเถียงกันมากเรื่องหนึ่ง ไว้มีโอกาสจะขอแสดงความคิดเห็นครับ)

tpp

Infrastructure และ Tools

โครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นสะดวก เริ่มจาก Development tools อย่างเช่น Open development platform อย่าง eclipse, library รวมถึง framework ต่างๆที่จะทำให้การเขียน code ง่าย สั้นและมีหลักการมากขึ้น ลูกค้าอาจมีส่วนร่วมในการนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้เพื่อช่วยให้งานพัฒนาและ ตรวจสอบระบบงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับ Project Life Cycle Tool อย่างเช่น Maven เป็นเครื่องมือช่วยในการบริหารวงจรชีวิตของการพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่ สร้าง คอมไพล์ สร้างเอกสาร ติดตั้ง และนำไปใช้ ส่วน โดยมี Source Control tool อย่าง Subversion เป็น repositoryที่ให้ทีมพัฒนาสามารถรวบรวมและจัดเก็บ source code ของแต่ละคน และมี Build Control tool อย่างเช่น Cruise Control เป็นเครื่องมือช่วยในการ integrate source code ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำการทดสอบทั้งระบบ และออกผลิตภัณฑ์ตามช่วงเวลาที่ต้องการ สำหรับ Track Issue Control อย่างเช่น trac เป็น เครื่องมือที่ใช้ช่วยในการบริหารรายการความต้องการ แผนงานพัฒนา รวมถึงรายงานข้อผิดพลาด ให้ทีมพัฒนาร่วมกันทำงาน เป็นเสมือนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ในการแชร์ความรู้ต่างๆโครงการกัน ซึ่งลูกค้าสามารถร่วมเข้าแชร์ความรู้หรือตรวจสอบแผนงาน ความก้าวหน้าโครงการจากเครื่องมือนี้

Project Management

การ บริหารจัดการโครงการเป็นวิธีการที่ใช้ในการจัดการและควบคุมกระบวนทำงานของ ทีมงานของโครงการให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทันตามกำหนดเวลา ในงบประมาณที่เหมาะสม และมีคุณภาพที่ยอมรับได้ ประกอบด้วย Team Setting ซึ่งเป็นการจัดทีมงานอย่างเหมาะสม เทคนิคการ Project Planning เพื่อให้ทีมงานรับทราบแนวทางและระยะเวลาในการส่งมอบงาน โดยลูกค้ามีส่วนร่วมในการกำหนดและจัดลำดับความสำคัญของงานที่ตนเองต้องการ เพื่อให้ได้ผลงานที่ได้ประโยชน์สูงสุด Teem Meeting เป็นกระบวนการปรับปรุงวิธีการติดต่อสื่อสารภายในทีมงาน เพื่อให้ทีมงานทุกคนยังอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ออกนอกทางจนเกินไป ลูกค้าเองควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบสถานะหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการปรับ แต่งทิศทางการทำงาน XP Practices เป็นการรวบรวมเทคนิคต่างๆที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาในสถานะการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ส่วน Feedback Learning เป็นการวัดผลและนำมาปรับแต่งกระบวนการบริหารจัดการโครงการให้เหมาะสมและทันสมัยเสมอ

Development Process

กระบวนพัฒนาเริ่มจาก Requirement Gathering เป็นการเก็บรวบรวมความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ เพื่อสร้าง Use-Case Stories และ GUI Prototype ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามองเห็นภาพของระบบที่จะพัฒนาได้ง่ายขึ้น Layer Pattern Design เป็นแนวทางการออกแบบโดยแบ่งเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นมี Interface ในการกำหนดวิธีการติดต่อระหว่างงชั้นเพื่อแยกให้แต่ละชั้นมีความเป็นอิสระจากกันให้มากที่สุด Test-Driven Development เป็นกระบวนการในการพัฒนาโดยเน้นที่การทำ Test เพื่อให้ได้ code ที่ตรงความต้องการมากที่สุด ลดการเขียน code ที่ไม่จำเป็น รวมถึงการได้ระบบทดสอบเพื่อให้ระบบสามารถทดสอบได้ตลอดเวลาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ลูกค้าทำ User Acceptant Test (เรียกย่อว่า UAT) โดย ลูกค้าต้องเป็นคนกำหนดและทดสอบ UATเองเพื่อกำหนดความชัดเจนวิธีการตรวจสอบคุณภาพระบบ สุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุด) คือ Product Release เป็นการทำการ build ระบบ ที่ผ่านการทดสอบเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป ผลจากการทำงานครบรอบหากยังมีข้อผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลง กระบวนการพัฒนาก็จะวนเข้าสู่รอบใหม่อีกครั้ง

นี่ คือกระบวนการพัฒนาระบบงานระดับองค์กรตามแนวความคิดของผม ที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์ทำงานและความรู้จากแหล่งต่างๆเพื่อที่จะสร้าง สไตล์การทำงานที่เหมาะสมกับองค์กรผม หลายเรื่องได้ทำไปแล้ว หลายเรื่องกำลังทำอยู่ และมีบางเรื่องก็เพิ่งเริ่มต้น (ยังหารูปแบบที่ชัดเจนยังไม่ได้) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Feedback Learning เรียนรู้และนำมาปรับปรุงแก้ไข สุดท้ายอยากฝากคำคมของ Aristotle นักปราชญ์ชาวกรีกที่มีความหมายใกล้เคียงกับ Feedback Learning ที่ว่า

“We are what we repeatedly do. Excellence, then, is not act, but a habit”

เราจะเป็นอย่างที่เราทำอยู่ซ้ำๆ ผลงานยอดเยี่ยมไม่ได้เกิดจากการกระทำ แต่เกิดจากนิสัย

นั่น คือผลงานที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้เกิดจากการทำชั่วครู่ชั่วคราว แต่เกิดจากทำซ้ำเรียนรู้สิ่งที่ดี เก็บไว้และทำให้เป็นนิสัย จากนั้นเสาะแสวงหาสิ่งใหม่เพื่อสร้างนิสัยที่ดีใหม่ต่อไป

Add GPS Information to Image EXIF

. Monday, September 21, 2009
1 comments

I’ve had a thought in the past that it wouldn’t be a difficult task to carry a GPS device whilst you’re out-and-about and taking photos then, back at home, load up the GPS data into a utility and have it scan through your photos adding GPS EXIF information to photos where dates and times matched (or were closed enough.) Of course, someone has usually written it before you so a quick search has highlighted a few already.

The first is called Photo Studio and is fairly self-contained and, more importantly, free! The site also provided details on how to add the GPS info.

The second is called RoboGEO but this one costs money – however, it’s not much and the chances are they’ll be more support.

I also found an interesting list of GPF software but haven’t had the chance to look through it.

An interesting evaluation has been made between Flickr, Picasa and Panoramio and how to visualise pictures on maps.

OziPhotoTool is a free download but requires the Java Runtime installed or, and probably the better solution, a larger download that includes the runtime itself.

GPSPhotoLinker – another free tool but for those in the world with a Mac!

Geosetter looks pretty cool but I haven’t I’m not sure whether it performs updates in batches.

GPS Visualizer isn’t quite what I’m looking for but it’s an interesting tools nevertheless and worth noting here.

Download Pro is another purchasable bit of software for addin GeoTags.

And before I forget GPSBabel should be able to convert between GPS file formats so I should be able to get my Garmin to work with any of these tools.

At some point when I’ve got myself some photos and corresponding GPS information, I’ll download these tools and compare them. But for now, it will have to wait.

21 Great Twitter Analytics Tools

. Monday, September 07, 2009
0 comments

After the successful twitter Post like 52 cool Twitter Plugins for WordPress, 59 Twitter Mobile Apps, 21 Cool Twitter Greasemonkey Scripts, 27 Popular Twitter Acronyms and 110+ Best Twitter Tools. So today here we give you some details of 21 Great Twitter Analytics Tools, you can check the list below.

twitter, Twitter Tools, Twitter Analytics

1. 24oclocks – You can see your tweets displayed by the hour of the day.
2. GeoTwitterous – Enter a Twitter ID and this tool will display from where the people that particular person is following are in a global map.
3. My Tweet Map – This tool will show you the latest tweets from your friends on a map.
4. Quotably – With Quotably, you can check out any Twitter user’s conversations in a thread conversation style making it easier to follow. Extremely useful.
5. Sitevolume - Just like Alexa, this site will allow to see how many time a particular term has been used on Twitter, Digg, MySpace, YouTube, and Flickr. You can add in multiple terms and see bar graphs comparing the terms.
6. Tweeterboard – An analytics service that provides information about popular Twitter users and popular links.
7. Tweetburner – Tweetburner gives you click stats for the links you posted in Twitter.
8. TwitBuzz – TwitBuzz is a service that follows the links, messages,and users on Twitter and displays them nicely on its site Digg-style.
9. TweetBeep – Just like Google Alerts, this service will send you an alert whenever your set keyword is mentioned on Twitter or when somebody link to your site.
10. a href=”http://www.twitgraph.com/” target=”_blank”>TwitGraph – This service provides graphs of your Twitter usage – tweets by day, top 5 words, top 5 links, and top replies.
11. Twitterlinkr - Shows you the popular links that people are posting in Twitter.
12. Twittermeter - You can use Twittermeter to see how frequently a word has been used on Twitter. You can also compare two or more words.
13. Twemes - Twemes follows Twitter public messages with particular tags to build a meme around a topic.
14. TweetStats – You can grab your Twitter stats including your tweet timeline, tweet per month, and tweet per hour.
15. TweetVolume – With this, you can check how many time a particular word appear on Twitter. You can compare upto five words and see the results in bar graphs.
16. TwitterLocal – This tool allows you to generate an RSS Feed of a filtered list of tweets from a certain area.
17. Tweetmeme – Displays popular topics on Twitter and those people talking about that topic.
18. Twist - This provides trends of what people are saying on Twitter just like Google Trends does for internet search words.
19. Twittermap – This tool displays the most recent public updates in the last 12 hours.
20. Twitt(url)y – This service tracks the most linked to urls on Twitter and display them Digg-style.
21. Wiiizzz - This service lists the audio tracks that have been listed to and shared on Twitter.